รีวิว Huawei Watch GT 2 Pro – สวย หรูด้วยไทเทเนียม แบต 14 วันในราคา 9,990 บาท

หากพูดถึงนาฬิกาอัจฉริยะหรือสมาร์ตวอทช์ ชื่อของ Huawei นับเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ และมีตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้นทุกปี ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ก็มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นเพิ่มความพรีเมียมขึ้นมาอีกขั้น นั่นคือ Huawei Watch GT 2 Pro ที่เราจะมารีวิวให้ชมกันในบทความนี้ครับ ใครที่กำลังเล็ง ๆ จะซื้อสมาร์ตวอทช์เป็นของขวัญในช่วงปลายปีอยู่ บอกเลยว่ารุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ตัวของ GT 2 Pro หลัก ๆ แล้วจะคล้ายกับรุ่นหลักอย่าง GT 2 ครับ แต่มีการปรับเปลี่ยนเรื่องวัสดุภายนอกตัวเรือนในหลายจุด เช่นตัวเรือนเปลี่ยนเป็นไทเทเนียมสีเทาเข้มดูให้ความพรีเมียมมากขึ้น ส่วนกระจกหน้าจอก็ใช้เป็นกระจกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น ส่วนภายในก็มีการปรับปรุงระบบในบางส่วนให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการมอนิเตอร์สุขภาพของผู้ใช้งาน เรียกว่าน่าจะเป็นนาฬิกาติดตัวในทุก ๆ วันได้สบายมาก เพราะรูปลักษณ์นั้นดูใกล้เคียงกับพวกนาฬิกาหรูอยู่เหมือนกัน

สเปคที่น่าสนใจของ Huawei Watch GT 2 Pro

ชิปประมวลผล Kirin A1 และ STL4R9

หน้าจอ AMOLED แบบสัมผัสขนาด 1.39″ ความละเอียด 454×454

พื้นที่เก็บข้อมูลในตัว 4 GB

แรม 32 MB

รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 และมี GPS ในตัว

น้ำหนัก 21 กรัม

มีเซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope, Geomagnetic, Optical heart rate และ Air pressure

วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับความเครียด วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) วัดคุณภาพการนอนหลับ วัดระดับความสูงได้

มีระบบเตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ

รองรับโหมดออกกำลังกายกว่า 100 แบบ

มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว ใช้คุยโทรศัพท์ ฟังเพลงได้

กันน้ำได้ระดับ 5 ATM

แบตเตอรี่ 455 mAh ใช้งานได้นานสุด 14 วัน

รองรับการชาร์จไร้สาย ใช้แท่นชาร์จ Qi ได้เลย ชาร์จได้สูงสุด 5V 2A

ใช้งานได้ทั้งกับ Android 5.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป

จุดเด่นที่น่าสนใจก็คือแบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้สูงสุดระดับ 2 สัปดาห์เหมือนในรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์เดียวกัน แต่รอบนี้มีการเพิ่มความสามารถในการชาร์จไร้สายมาให้ด้วย ทำให้สามารถนำ Huawei Watch GT 2 Pro ไปชาร์จกับแท่นชาร์จไร้สายที่มีอยู่ได้ทันที หรือจะไปชาร์จที่หลังมือถือที่มีฟังก์ชัน reverse wireless charging ก็ได้ด้วย ซึ่งมือถือ Huawei รุ่นท็อป ๆ ตัวใหม่ล้วนมีมาให้ใช้งานได้ทั้งนั้น

ส่วนพวกฟังก์ชันเกี่ยวกับสุขภาพก็ยังมีมาให้ค่อนข้างรอบด้านกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน นับตั้งแต่ตอนนอน การออกกำลังกาย การทำงาน ทำให้เป็นนาฬิกาที่สามารถใส่ได้ตลอดทั้งวันจริง ๆ

ตัวเรือน

กล่องของ Huawei Watch GT 2 Pro ก็จะใช้สไตล์คล้าย ๆ รุ่นอื่นเลย คือเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีดำ มีรูปตัวเรือนอยู่ด้านหน้าพร้อมชื่อรุ่น ซึ่งของ GT 2 Pro ตัวหน้าปัดจะเป็นรูปแผนที่ดาวแบบในภาพด้านบน

ดึงฝานอกออกมา ก็จะพบตัวเรือนทันที

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมี

ตัวเรือน Watch GT 2 Pro ที่ติดตั้งมาพร้อมสายหนัง

สายซิลิโคนสีดำ

สายชาร์จหัว USB-C กับ USB-A

แท่นชาร์จแบบไร้สาย (ไม่มีขั้วทองเหลือง) ดูดติดกับตัวเรือนได้ด้วยแม่เหล็ก

สำหรับตัวเรือน และสายนาฬิกาสำหรับรุ่น Pro จะมีแค่แบบเดียวคือตามที่ให้มาในกล่องนะครับ ต่างจากรุ่นปกติที่มีสีสันให้เลือกมากกว่า โดยตัวสายหนังจะออกเป็นสีเทาอ่อน ดูตัดกับสีตัวเรือนที่เป็นสีเทาเข้มได้ดี

ส่วนแท่นชาร์จจะเปลี่ยนจากในรุ่นก่อนหน้าที่มีขั้วทองเหลืองไว้สัมผัสกับตัวเรือน กลายเป็นแบบไม่มีขั้วใด ๆ ใช้การชาร์จแบบไร้สายผ่านขั้วแม่เหล็กแทน ส่วนหัวชาร์จจะเป็นหัว USB-C ซึ่งสามารถใช้สายชาร์จมือถือแทนสายในกล่องก็ได้เหมือนกัน

ตัวเรือนยังคงใช้ดีไซน์ในสไตล์เดิมคือมีหน้าจอเป็นวงกลมไม่มีขอบนูน โดยตรงส่วนปลายจะตัดเฉียงลงไปเข้ากับส่วนที่เป็นไทเทเนียมของตัวเรือนพอดี มีปุ่มกดทางฝั่งขวาอยู่ 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนใช้สำหรับกดเข้าหน้ารวมแอป และกดกลับมาที่หน้าปัดหลักสำหรับบอกเวลา ส่วนปุ่มล่างใช้เป็นปุ่มลัดสำหรับกดเข้าไปยังแอปหรือฟังก์ชันที่ต้องการ ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ตามใจชอบ

หน้าจอ AMOLED ของ Huawei Watch GT 2 Pro ยังคงให้คอนทราสต์และความสว่างที่ลงตัวสำหรับการใช้งานในแทบทุกโอกาสเช่นเดิม แต่ถ้าเจอแดดจัด ๆ ก็อาจจะต้องอาศัยการป้องมือเพื่อให้มองหน้าจอได้ชัดขึ้นนิดนึง มีระบบปรับระดับความสว่างอัตโนมัติช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งเท่าที่ใช้งาน ผมรู้สึกว่ามันจะปรับให้มืดไปนิดนึง แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนอยู่

ความละเอียดของจอก็อยู่ในระดับที่เนียนเหมือนกับติดสติกเกอร์เอาไว้ ประกอบกับการใช้กระจกระนาบเดียวกัน ไม่ได้มีขอบนูนขึ้นมา ทำให้ดูหน้าจอใหญ่เต็มตา แต่ที่จริงแล้วพื้นที่แสดงผลจะมีถึงแค่บริเวณขีดบอกนาทีที่มีตัวเลขประกอบอยู่ด้วยเท่านั้น ส่วนวงที่เป็นขีด ๆ ด้านนอกสุดนั้นเป็นตัวเฟรมหน้าจอครับ

ตัวเรือนมีฟังก์ชันหน้าจอแบบติดตลอด (Always on display) ให้เปิดใช้งานได้ แต่ถ้าเปิดใช้งานแล้ว จะไม่สามารถเปิดฟังก์ชัน raise to wake ที่เปิดหน้าจอ watchface หลักให้ติดขึ้นมาตอนที่ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา เนื่องจากมันมีจอ AOD แสดงอยู่แล้ว ซึ่งถ้าใช้งาน AOD อยู่ แล้วอยากเปิดหน้าจอหลัก ก็จะต้องใช้การแตะหน้าจอ หรือกดปุ่มด้านข้างแทน ซึ่งจะต่างจาก Apple Watch Series 6 ที่แม้จะเปิด AOD ไว้ แต่เวลายกข้อมือขึ้นมา ตัวเรือนก็จะเปลี่ยนเข้าหน้าจอหลักให้

ตรงขอบจอมีการตัดเหลี่ยมลงไป ประกอบกับสีสันของไทเทเนียม และลายสลักที่เป็นแถบจุด ๆ ตรงข้างปุ่ม ทำให้ตัวเรือนดูหรูหราใช้ได้เลย สามารถใช้เป็นนาฬิกาใส่ออกงานได้สบาย

โดยบริเวณใต้ปุ่มทั้งสองนี้ จะมีช่องลำโพงอยู่ด้วย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นช่องรับเสียงของไมค์

ด้านหลังของตัวเรือนส่วนที่แนบติดกับแขนจะใช้วัสดุหลักเป็นเซรามิกที่มีความมันวาว ตรงกลางเป็นแถบเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวกับเลือด ทั้งอัตราการเต้นหัวใจ และปริมาณออกซิเจนในเลือด โดยที่ไม่มีขั้วทองเหลืองอยู่แล้ว ช่วยลดปริมาณคราบเหงื่อที่เข้าไปติดในช่องหลืบต่าง ๆ ได้ดี แต่ก็แน่นอนว่าไม่สามารถนำแท่นชาร์จของ Watch GT รุ่นก่อนหน้านี้มาใช้ได้เลยเหมือนกัน แต่แบบใหม่นี้ผมว่าดีกว่าครับ ทำความสะอาดง่ายกว่ามาก ทั้งยังดูหรูดีด้วย

ขั้วล็อกสายเป็นแบบสลักที่สามารถใช้ปลายนิ้วดึงออก และติดตั้งได้สะดวก สามารถใช้สายของ Watch GT ขนาด 46 มม. ได้เลย

สำหรับสายหนังที่ให้มาในกล่อง จะมีข้อความสลักมาด้วยว่าเป็นหนังแท้ ซึ่งเมื่อใช้ไปซักพักก็จะค่อย ๆ นุ่มขึ้นตามลำดับ ใส่แล้วไม่คัน ผิวสัมผัสค่อนข้างดี และรองรับข้อมือได้ช่วงกว้างมาก ๆ

ลองเทียบ Huawei Watch GT 2 Pro กับ Watch GT 46 มม. รุ่นแรกที่ผมมีอยู่ จะเห็นว่าที่จริงแล้วตัวเรือนมีขนาดเท่ากันเลย ขอบหน้าจอก็เท่ากันครับ ต่างกันที่ขอบหน้าจอของ GT 2 Pro จะเป็นลักษณะเฟรมกระจก ในขณะที่ของ GT รุ่นแรกจะเป็นเฟรมโลหะนูนขึ้นมา

ฝาหลังก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

การสวมใส่ก็เหมือนกับใส่นาฬิกาข้อมือทั่วไปเลย ตัวล็อกสายทำได้แน่นหนาดี ส่วนน้ำหนักตัวเรือน จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของนาฬิกาข้อมือที่เป็นแบบกลไกครับ สามารถใส่ติดตัวทำกิจกรรมได้ตลอดทั้งวัน หน้าปัดก็มีขนาดใหญ่ สามารถดูเวลาได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหน้า watchface ที่ใช้ด้วย ซึ่งมีให้โหลดมาใช้งานได้มากกว่า 200 แบบ แถมตอนนี้ยังเปิดให้ซื้อลายที่ชอบจากคลังของ Huawei เองได้แล้วด้วย ดังนั้นคงไม่ต้องกลัวเรื่องหน้าปัดจะซ้ำซากจำเจเลย หรือถ้าไปอยู่ตามกลุ่มต่าง ๆ ใน Facebook ก็ยังจะเจอวิธีการติดตั้ง watchface เองได้อีก รับรองว่าถูกใจคนชอบเสาะหาหน้า watchface แบบใหม่ ๆ แน่นอน

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

อันดับแรกคือส่วนของ watchface ที่มีติดตั้งมาให้ในตัวแล้วระดับหนึ่ง และผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดเพิ่มจากแอป Huawei Health ในมือถือ ส่วนถ้าใช้มือถือ Huawei ก็จะยิ่งพิเศษไปอีก เพราะสามารถซื้อหน้า watchface ที่มีคนสร้างขึ้นมาขายในแอป Huawei Theme ได้ด้วย ส่วนถ้าใช้มือถือ Android รุ่นอื่นหรือใช้ iPhone จะโหลดได้แค่หน้า watchface ฟรีที่ Huawei เปิดให้โหลดได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็จัดว่าเยอะพอสมควรแล้วครับ

การแสดงผลภาษาไทยบนหน้าจอ Huawei Watch GT 2 Pro ถือว่าทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์เลย จะมีบางครั้งที่แสดงวรรณยุกต์ไม่ครบในคำที่เป็นวรรณยุกต์ซ้อนสระ เช่นคำว่า เรื่อง

ส่วนการแสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะเป็นการส่งข้อมูลมาจากมือถือที่จับคู่กันไว้ โดยสามารถแยกรูปแบบการแสดงผลของแต่ละแอปได้ดี รวมถึงยังสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนจากแอปใดบ้าง เวลาโทรเข้าก็มีปุ่มให้กดรับสายหรือตัดสายได้ทันที ซึ่งถ้ากดรับสาย ก็สามารถคุยจากตัวเรือนได้เลย ช่วยเพิ่มความสะดวกในเวลาที่มือถือไม่ได้อยู่ติดตัว หรือเวลาที่มือเปียกได้ดี

หน้ารวมแอปจะใช้การแสดงผลแบบเป็นรายการยาวลงมา สามารถใช้การปาดนิ้วเพื่อเลื่อนดูได้ ส่วนการย้อนกลับไปยังหน้าก่อนหน้า จะใช้การปาดนิ้วจากขอบจอซ้ายเข้ามาตรงกลาง

Huawei Watch GT 2 Pro รองรับการวัดระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้วัดอัตโนมัติเป็นระยะ ๆ หรือไม่ ส่วนถ้าต้องการวัดเป็นช่วง ๆ ก็เข้ามากดวัดจากในแอป SpO2 ได้เช่นกัน สำหรับการวัดจะใช้เวลาซักนิดนึง แนะนำว่าควรเท้าแขนไว้กับโต๊ะเพื่อให้แขนนิ่งที่สุด ความแม่นยำก็อยู่ในระดับที่พอใช้ประเมินสุขภาพได้คร่าว ๆ ครับ ไม่ถึงกับสามารถใช้อ้างอิงในทางการแพทย์ได้ 100% ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเหล่าอุปกรณ์สมาร์ตวอทช์เพื่อสุขภาพเกรด consumer อยู่แล้ว

ระบบการวัดระดับความเครียดก็มีมาให้เช่นกัน โดยการใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้จะต้องสั่งเปิดจากในมือถือ และตอบแบบสอบถามก่อนเล็กน้อย เพื่อประเมินระดับความเครียดในสภาวะปกติของตัวผู้ใช้งานก่อน หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถสั่งให้ตัวเรือนวัดแบบอัตโนมัติเพื่อเก็บข้อมูลเป็นระยะ ๆ ได้เช่นกัน

อีกระบบที่น่าสนใจก็คือการวัดคุณภาพการนอนหลับ ที่สามารถตรวจจับการนอน วัดช่วงเวลา deep sleep และข้อมูลต่าง ๆ มาซิงค์กับแอปด้านสุขภาพในมือถือได้อย่างสะดวก

ส่วนใครที่เป็นสายปีนป่ายน่าจะชอบฟังก์ชันนี้ครับ คือความสามารถในการวัดระดับความกดอากาศและระดับความสูงเมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเลแบบ realtime ซึ่งจะไปบันทึกและแสดงข้อมูลในการเก็บข้อมูลการออกกำลังกายบางรูปแบบด้วย เช่น การเดิน การปีนเขา เป็นต้น

หน่วยความจำในตัวเรือนที่ให้มา 4 GB นั้น สามารถใส่เพลงเข้าไปเพื่อใช้ฟังได้ผ่านทางแอป Huawei Health บน Android ซึ่งผู้ใช้สามารถจับคู่ Huawei Watch GT 2 Pro เข้ากับหูฟัง Bluetooth เพื่อใช้ฟังเพลงได้ทันที หรือถ้าใช้หูฟังไร้สายของ Huawei ในตระกูล Freebuds เองก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก สมกับที่ทำออกมาเป็น ecosystem อยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการควบคุมการเล่นเพลงบนมือถือ Android ได้ด้วย

ซึ่งฟังก์ชันข้างต้นนี้ จะไม่สามารถใช้งานได้เมื่อจับคู่ Watch GT 2 Pro เข้ากับ iPhone นะครับ

ตัวปุ่มล่างสามารถปรับเป็นปุ่มลัดเพื่อเรียกฟังก์ชันต่าง ๆ มาใช้งานได้ ซึ่งจุดที่ปรับจะอยู่ในเมนู Settings อีกที โดยสามารถจับคู่กับแอปใดก็ได้ในเครื่องเลย

โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะกำหนดมาให้เป็นการรวมเมนูสำหรับการออกกำลังกาย (Workout) ที่ทำให้ผู้ใช้เข้ามากดเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่ต้องการได้สะดวก ส่วนถ้าใครต้องการคอร์สสำหรับฝึกวิ่งก็มีให้ใช้งานได้ฟรีด้วยเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบเดิน/วิ่งทั่วไป วิ่งเพื่อเผาผลาญไขมัน ไปจนถึงการวิ่งแบบ HIIT ที่ช่วยเสริมสุขภาพในด้าน VO2Max ได้เลย ซึ่งหน้าจอก็จะมีคำแนะนำบอกว่าควรทำอะไรเพื่อให้เป็นไปตามคอร์สที่ออกแบบมา

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ทำให้ Huawei Watch GT 2 Pro กลายเป็นสมาร์ตวอทช์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็คือความสามารถในการติดตั้งแอปเสริมได้ โดยสามารถทำได้ผ่านทางแอป Huawei Health บน Android ซึ่งตอนนี้ยังมีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ โดยจะมีทั้งแอปสายออกกำลังกาย แอปเกมฆ่าเวลา รวมถึงแอปที่ช่วยในการทำงานด้วย

ซอฟต์แวร์และการใช้งานคู่กับมือถือ

ในการโหลดแอป Huawei Health เพื่อมาใช้งานกับ Watch GT 2 Pro นั้น หากใช้บนมือถือ Android แนะนำว่าควรเปิดคู่มือเล่มเล็กในกล่อง แล้วเปิดดูหน้าแรก ๆ เพื่อสแกน QR code ไปโหลดแอปบนหน้าเว็บจะดีที่สุด โดยในการโหลดไฟล์ apk ไฟล์แรกจะเป็นการติดตั้ง AppGallery มาก่อน จากนั้นจึงค่อยไปโหลด Huawei Health มาจากในนั้นอีกทีนึง (อาจจะรวมถึง HMS core ด้วย) ส่วนถ้าใช้มือถือ Huawei ก็แน่นอนว่าง่ายกว่ามาก ๆ ครับ

เมื่อเปิดแอปขึ้นมา ล็อกอิน และจับคู่กับนาฬิกาเรียบร้อย เข้ามาที่ตัวนาฬิกาก็จะพบกับเมนูตั้งค่าต่าง ๆ เริ่มจากด้านบนสุดเป็นปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ถัดลงมาเป็นจำนวนก้าวเดิน จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาศไป และระยะทางการเดินที่ทำได้ในวันนั้น ๆ ถัดลงมาก็เป็นหน้า watchface ที่สามารถเข้าไปหาและโหลดมาลงในเครื่องได้ ซึ่งด้วยพื้นที่ความจุถึง 4 GB ก็โหลดมาสลับได้สบาย ๆ เลย

หัวข้อ Health monitoring จะเป็นศูนย์รวมการตั้งค่าเกี่ยวกับการตรวจวัดสุขภาพ เช่น ฟังก์ชัน TruSleep สำหรับตรวจจับการนอนหลับอัตโนมัติ รวมถึงมีตัวเปิด/ปิดการวัดอัตราการเต้นหัวใจ วัดระดับความเครียด และวัดระดับ SpO2 แบบอัตโนมัติด้วย ซึ่งถ้าเปิดไว้ทั้งหมด ก็แน่นอนว่าจะกินแบตมากกว่าเดิม

ส่วนหัวข้อ Music ก็จะเป็นเมนูที่ให้ผู้ใช้สามารถดึงเพลงจากในมือถือมาใส่ไว้ในนาฬิกาได้ โดยไฟล์หลัก ๆ ที่รองรับแน่นอนก็คือพวก MP3

ต่อมาเป็นหัวข้อการติดตั้งแอปเสริม ซึ่งสามารถกดติดตั้ง หรือกดลบได้จากในเมนูนี้ ส่วน Alarm ก็เป็นการตั้งปลุกครับ ซึ่งจะตั้งจากในแอป หรือจะตั้งจากที่ตัวเรือนเลยก็ได้

นอกจากนี้ก็จะมี Weather reports สำหรับซิงค์ข้อมูลสภาพอากาศจากมือถือไปลงในตัวเรือนเพื่อใช้ดูได้ตลอดเวลา และเมนู Favorite contacts ก็ให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้งานบ่อยลงไปได้ เพื่อทำให้สามารถกดโทรออกจากตัวเรือนได้สะดวก

ส่วนเมนู Notifications ก็จะใช้สำหรับตั้งค่าการแจ้งเตือนจากมือถือ ว่าจะให้ส่งการแจ้งเตือนของแอปใดไปยัง Watch GT 2 Pro บ้าง ส่วนเมนู Device settings ก็จะมีที่น่าสนใจคือ Raise to wake ที่จะทำให้หน้าจอติดขึ้นมาเมื่อยกข้อมือขึ้นมาในลักษณะการดูเวลา แต่ฟังก์ชันนี้จะไม่สามารถเปิดได้หากเปิดใช้งานหน้าจอติดตลอด (always on display) อยู่

ปิดท้ายด้วยเมนูการอัพเดตเฟิร์มแวร์ครับ โดยหลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก แนะนำว่าควรเช็คอัพเดตกันซักนิด เพราะอย่างในเครื่องรีวิวนี้ผมก็เจออัพเดตไป 2 รอบเหมือนกัน

ส่วนถ้าจับคู่ Watch GT 2 Pro กับ iPhone ก็จะเห็นว่าพวกฟังก์ชันต่าง ๆ จะหายไปอยู่บ้าง เช่น การติดตั้งแอปเสริม การตั้งค่าการแจ้งเตือนที่ไม่ละเอียดเท่าฝั่ง Android ซึ่งในเรื่องการแจ้งเตือนนี้ ระหว่างการรีวิวด้วยการจับคู่กับ iPhone ส่วนตัวผมพบอาการข้อความแจ้งเตือนเข้าช้าอยู่บ้างครั้งสองครั้ง กับข้อมูลสภาพอากาศที่ไม่ได้ซิงค์เข้ามา โดยรวมแล้วก็ไม่พบอาการผิดปกติเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าใช้งานร่วมกับ Android น่าจะเวิร์คกว่า

แต่สำหรับการเซ็ตอัพเพื่อใช้งานครั้งแรก กลับเป็นว่าฝั่ง iPhone ทำง่ายกว่ามาก เพียงแค่โหลดแอป Huawei Health จาก App Store มาก็ได้แล้ว

ด้านของแบตเตอรี่ Huawei Watch GT 2 Pro ทำได้ดีตามมาตรฐานเช่นเคย โดยผมลองทดสอบอยู่ 2 สถานการณ์

ซึ่งเท่ากับว่าอย่างต่ำ ๆ ก็น่าจะใช้ได้ราว 10 วันแบบไม่ต้องชาร์จเลยทีเดียว และถ้าปิดฟังก์ชันวัดอัตโนมัติบางตัวไป ก็น่าจะใช้ได้ถึง 14 วันตามสเปคได้อยู่เหมือนกัน

ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ เนื่องจากตัวเรือนรองรับการชาร์จเร็วด้วย ซึ่งก็เร็วจริงครับ ถอดออกมาชาร์จระหว่างอาบน้ำเช้า/เย็น ก็แทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดเลย

สรุปปิดท้ายรีวิว Huawei Watch GT 2 Pro

Huawei Watch GT 2 Pro เป็นนาฬิกาแบบสมาร์ตวอทช์ที่ยังคงตอบโจทย์ด้านสุขภาพ ด้านฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ดีอย่างที่เคยเป็น สิ่งที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างพวกแบตเตอรี่สุดอึดก็ยังคงไว้ได้เหมือนเคย ทั้งยังรองรับการออกกำลังที่หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น แต่ในรอบนี้มีการพัฒนาในแง่การเป็นนาฬิกาที่เสริมภาพลักษณ์ให้กับผู้ใช้เพิ่มเข้ามาอีก ด้วยตัวเรือนที่ทำจากไทเทเนียมเพื่อเพิ่มความหรูหรา และการเลือกใช้กระจกหน้าจอแบบแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อการขีดข่วนมากขึ้น ยิ่งประกบคู่กับสายหนังก็ยิ่งดูเป็นคู่ที่เข้ากันกว่าเดิมซะอีก

ส่วนการใช้งานร่วมกับมือถือและแอปพลิเคชันเองก็ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ จะติดก็ตรงที่ฟังก์ชันบางส่วนจะออกแบบมาให้ใช้ได้กับมือถือ Huawei เองโดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ เนื่องจากการเป็นความสะดวกที่เกิดจากการใช้งานอุปกรณ์ใน ecosystem เดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Huawei กำลังเร่งสร้างขึ้นมาอยู่ ส่วนมือถือ Android ก็สามารถใช้งานได้เกือบ 100% จะลำบากนิดนึงก็ตอนติดตั้งแอปครั้งแรก ส่วนถ้าใช้งานร่วมกับ iPhone อันนี้ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคที่อาจทำให้การซิงค์ข้อมูลบางส่วนไม่ราบรื่นเท่ากับ Android